สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

คนรวยในการการเทรดหุ้น 7 ประเภท

คนรวยในการการเทรดหุ้น 7 ประเภท

     ในชีวิตการเป็นมาร์เก็ตติ้งของดิฉัน ตลอดจนมาถึงตำแหน่งที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมาได้นั้น ดิฉันได้เรียนรู้อะไรมากมาย ผิดผลาดพลั้งเผลอ ล้มเจ็บมาเยอะค่ะ แต่ท้ายที่สุด วันที่เราอดทนมันก็ออกผลให้เราได้ลิ้มรส ก็ต้องเรียกว่าครบรสหล่ะค่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้มีความสุขกับตรงนี้ก็พอเนาะเดี๋ยวจะยาวไปมากกว่านี้ ทุกท่านจะเบื่อซะก่อน วันนี้ดิฉันจะมาบอกเล่าเรื่องราว สนุกๆ ขำๆ สบายๆนะคะ ไม่เครียดคะ มาดูกันว่า 12 ปี กับการทำงานนั้นดิฉันเจอลูกค้าประเภทไหนบ้างมีทั้ง SUCCESS และ FAIL นะคะ มาดูกันว่าเป็นแบบไหนกันบ้าง ช่วงแรกแรกจะซีเรียสนิดนึงค่ะ ขอให้อดทนอ่านไปก่อน แล้วหลังๆจะสนุก


 Fail : ล้มเหลว ขาดทุน ด่าว่าตลาดโทษทุกสิ่งอย่างรอบตัว บางคนถึงขั้นลาขาดจากวงการเลยค่ะ

           1. ไม่ขายไม่ขาดทุน เพราะเงินเย็น : นานมาแล้วที่มีลูกค้าแบบนี้ทุกวันนี้ บางคนเจ๊งจนเลิก บางคนเปลี่ยนพฤติกรรมได้.....ดิฉันมีลูกค้า 2 คน จริงๆ แล้วมีมากกว่า 2 แต่ขอเล่าแค่นี้ แล้วคิดตามก็พอค่ะ....ติดตาม BANPU  800 บาท ช่วงน้ำท่วมดิฉันบอกลูกน้องว่า โทรหาลูกค้าแล้วบอกว่า 780 ให้ขายออกก่อน แล้วไปรอรับใหม่แถว 600 บาทอ่ะ.....โทรไปละปรากฏว่า เขาบอกว่า **** ไม่เป็นไรครับ เงินเย็นผมถือได้ ผมเชื่อมั่นในพื้นฐาน.....พอลงมา 750 บอกว่าให้ขายอีก ก็พูดคำเดิมถือลงทุนครับ 680 บาท คราวนี้ดิฉันโทรเองเลยค่ะ หลังจากฟังเหตุผลจากเราแล้ว เขาก็บอกว่่าไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ค่าคอมหรอก คุณขอมาละกันจะให้เทรดเดือนเท่าไร ( ณ จุดนั้นอึ้งสิคะ....ยอมรับอย่างเต็มศักดิ์ศรีค่ะ ว่าค่าคอมน่ะก็อยากได้นะคะ แต่ อยากให้ลูกค้ารอดมากกว่า วันนั้นด้วยความโมโห เลยวางสายหลังจากคุยกันไม่รู้เรื่อง....เหนื่อย !!! ) .....ส่วนอีกคนติดที่ 804 บาทมั้งคะ จำไม่แม่นแต่ คนนี้ยอมทิ้งที่ 720 บาท ต้องเรียกว่าพี่คนนี้เขา cut ทั้งน้ำตาค่ะ เพราะเข้าเนื้อเยอะ ถือตั้ง 5000 หุ้น เมื่อเทียบกับเงินลงทุนของเขา แกหงุดหงิดอยู่พักใหญ่ หยุดเล่นเลย ไม่คุยกันนานมาก แกบอกขอรักษาแผลใจ เพิ่งมาคุยกัน 2-3 เดือนก่อน ประกอบกับแกมารับคืน Banpu  226 บาท ได้หุ้นมา 15,500 หุ้น เทียบกันทางบัญชีไม่สนมูลค่าจริงตามตลาดนะคะ เท่ากับว่าคนนี้ เขาไม่ขาดทุน แต่กำไรมา 10,500 หุ้น แถมขาย 310 บาทออก เขากลายเป็นกำไรเลยค่ะ.....ย้อนกลับมาที่คนแรกกันก่อน เขาบอกเงินเย็น แต่พอลงมาไม่หยุดเลย เริ่มร้อนสิคะ ยิ่งร้อนใหญ่เลยเมื่อเห็น 300 บาท จนทกวันนี้ แกถึงกับเอ่ยปากเลยว่่า จะไม่ถือหุ้นมาราธอนอีกแล้ว ยิ่งซึมเศร้าไปใหญ่เมื่อเพื่อน ๆ เขากำไรหมดทุกคน ช่วงที่ผ่านมาในขณะที่แกไม่ทำไรเลย เห็นไหมคะ แบบนี้เสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่ายค่ะ

        2. ตอนหุ้นแดง ๆ เน่า ๆ นิ่ง ๆ ชวนแล้วก็ไม่ซื้อ พอเห็นเขียว ๆ คันไม้คันมือ : บ่อยครั้งค่ะ ที่พอหุ้นตกหนัก ๆ มาก ๆ คนมักกลัวกัน ซึ่งก็ไม่แปลก ไม่ผิดปกติค่ะ และมักจะชอบตลาดเขียว ๆ ก็เพราะแบบนี้ไงค่ะ คนแบบนี่ไม่แปลก เพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของตลาดหุ้น ที่ไม่กล้ามองต่าง มองตรงกัน.....แบบนี้เข้าป่าไปเก็บเห็ด สายตาต่างจ้องมองไปทางเดียวกัน ไปเจอเห็นดอกเดียวกันแย่งกันจะเห็ดเละหล่ะค่ะ แต่อีกคนเขาคิดต่างฉีกเส้นทาง กล้าในจุดที่คนอื่นกลัวกัน มักจะเจอเห็ดกลุ่มใหญ่ นั่งเก็บจนล้นมือไปหมด เพราะไม่มีคนแย่งกว่าคนจะมาเห็น เราหิ้วไปขายที่ตลาดได้เงินมาละ หรือเอาไปทำกินก็อิ่มกันมาละ  อ่ะ.....เข้าเรื่องค่ะ พอหุ้นที่ลงจนแช่ จน vol. แห้ง เหือดก็ไม่ซื้อ เพราะผวาตอนที่มันพากระโดดหน้าผา บางคนยังดามเฝือกก็กลัวและท้ายที่สุดก็พลาดโอกาสดี ๆ ไปแล้ว มาพลาดที่สุดคือ มาซื้อตอนคนอื่นจะเป็นจังหวะขายสิคะ นั่นแหละ.....รับของค่ะ ก็เฝ้าดอยสูงไป ระยะนี้ก็ปล่อยข่าวหล่ะคะ ออกข่าวดีๆ ให้เชื่อรายย่อยจึงเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ

         3. ยึดมั่นถือมั่น : แต่หุ้นดันไม่มั่นกับเราค่ะ.....คือเคสแบบนี้จะเจอคือ เขาบอกมา เพื่อนบอกมาเป้าเท่านี้ เสี่ยนี่จะลากเป้าปลายปี แต่ เฮ้ย....นี่เพิ่งต้นปีเองนะ อะไรๆ ก็เปลี่ยนได้ แหม....ไม่ได้บอกว่าห้ามมองระยะยาว การมองระยะยาวนั้นมันต้องมองผ่านงบค่ะ แล้วต่อจิ๊กซอว์เป็น ไม่ใช่ยืมจมูกคนอื่นหายใจ ลอกการบ้านถ้าถูกก็รวย พอเขาพลาดก็เจ็บ พวกนี้หาปลากินเองไม่เป็นแต่อยากรวย !!! หรือประเภทเชื่อคนอื่นไม่เชื่อตัวเอง มากไปก็ไม่ดี หรือเชื่อตัวเองมากไปก็แย่ ดังนั้น ......ตรงกลางเถอะค่ะ รับสารเขามาพิจารณาแล้วตัดสินใจทำไปเลย

     

              ตั้งแต่ทำงานมา เฝ้ามองตลาดหุ้นเห็นลูกค้ามาทุกรูปแบบ ตั้งแต่เป็นเจ้ามือเอง ยันเป็นแมงเม่าให้เขาเอาไฟลนปีก เอาเป็นว่าจะยกตัวอย่างเป็นกรณี ๆไปนะค่ะ เป็นวิธีที่คุณเองก็ทำได้ ตามมาเลยยยยย

Successsful :  ประสบความสำเร็จ

กระดานที่ 1 : เจ้าพ่อช่างเก็บ

                  มีลูกค้ารายนึงค่ะ เป็นเจ้าของธุรกิจ แกถือทนมาก ๆ ถือแล้วไม่ขาย ถือลงทุนจริงๆ  คือเสียรอบออกจะบ่อยด้วยซ้ำ ดิฉันขี้เกียจคิดว่าถ้าแกทำรอบไปเนี่ย จะสามารถทำกำไรได้ขนาดนี้มะ???? เพราะบางทีขายแล้วขายหมู แกบอกเองว่าแกไม่มีเวลาดู ดังนั้นจึงซื้อแล้วยาว ครั้งแรกที่แกเปิดพอร์ตคือช่วงปี 2549 มั้ง ราวๆ นั้น จากนั้นแกซื้อหุ้นไป 3 ตัว มี banpu ktb shin ตอนนี้เป็น  intuch แกติด banpu 167 ktb 12 บาท shin ราวๆ 29 บาท มั้ง เหตุการณ์ อุ๋ย 100 จุด ในปี 49 นั้น แกไม่ได้ ซื้ออะไรเลยค่ะ เพราะอะไรก็ลืมละ  แต่แกมาได้ถัว ktb 3.50 ตอน subprime จากนั้นก็เก็บมาเรื่อยนะค่ะ รวบรัดมาที่แก happy มาก เพราะขาย bampu ราคาแถว 780 บาท ค่ะ  ขาย ktb 22 บาท ขาย shin หรือ intuch ที่ 75 บาท สรุป แกกำไรไป เกือบ 70 ล้านค่ะ  ไม่คิดรวมปันผลนะคะ เอาแค่กำไรที่เห็นกับตาก็พอ --- ย้ำอีกทีนะค่ะ แกไม่มีเวลามานั่งเฝ้า แกหวงหุ้น แกดูกราฟไม่เป็น แกไม่อ่านบทวิเคราะห์ แต่แกมองจากความเป็นจริงใกล้ตัว แกบอกดิฉันอยู่ประโยคหนึ่งว่า ขอบคุณนะที่่ไม่เซ้าซี้ผม คือตอนนั้นบอกตรงๆ ว่า ดูแลลูกค้าก็หลายรายค่ะ เลยไม่ได้โทรหาแกเลย จะนัดทานข้าวแค่ปีละ 2 ครั้งเอง ก็รู้สึกผิดนะ ที่ส่งแค่ข่าว แต่ใส่ใจลูกค้าน้อยไป แต่พอมาคิดอีกที ถ้าไปกวนใจลูกค้ามากๆเข้า ไป คะยั้นคะยอเขาขาย เขาอาจจะไม่ได้ 70 ล้านก็ได้ คิดบวก++++++......

กระดานที่ 2 : รักเดียวใจเดียว

                   รักเดียวใจเดียว + สายป่านยาว คนนี้เล่าคร่าวๆ ละ กะบทความฉบับก่อน ๆ  คือ แกเล่นหุ้นเป็นอยู่ตัวเดียวทั้งพอร์ตมีตัวเดียว เคยเสนอแผนงานให้แกนะค่ะ ว่าลองผสมสัก 3 ตัวไหม ไว้ถ่วงดุลกัน จะได้ไม่เจ็บทีเดียว แต่แกยืนกรานว่า no... เหตุมาจากการติดหุ้น คือ แกเล่าว่าสมัยก่อนฝากเพื่อนเล่น แล้วติดหุ้นเพื่อนแกก็ไม่บอก หลังๆมาแกเปิดพอร์ตเอง เลยโอนหุ้นออกมา ---- คนนี้แกพอมีเวลาก็นั่งเฝ้า หุ้นตกๆ แกก็ถัว ๆๆ แกถัวขนาดไหน นั้นหลายคนคงคิดไม่ออก เอาหล่ะเพื่อให้เห็นภาพ เช่นแกซื้อ buy ไม้แรกติด ถ้าลงมา 3% ถัวอีก ว่าง่าย ๆ ถัวตลอดเส้นทาง 5555 จากเริ่มติดแค่ 1 แสนหุ้น ลงถึงจุดดัชนีดีดกลับนี่ ถ้ารอบเล็กๆ ก็มี 500,000 หุ้นอ่ะ ถ้ารอบกลาง ๆ มีราวๆ 1,500,000 หุ้น ถ้ารอบใหญ่ระดับ 200 จุดขึ้นนี่ราวๆ 3 ล้านหุ้น และเวลาดีดกลับทำกำไรนี่ ต่ำๆ เลย 15% ค่ะ ทุกรอบ ย้ำนะคะทุกรอบ และหุ้นที่เล่นนั้น พื้นฐานระดับ AAA แบบนี้ดิฉันจะเรียกแกว่า....เฮียถัว.....^_^ คือถัวจนรวย ถัวแบบไม่กลัวเจ้งอ่ะ งานอดิเรกคือ บาคาล่า ที่ปรอยเปรต !!!!

กระดานที่ 3 : เล่นแต่ของคุ้นเคย

                   เล่นแต่ของคุ้นเคยค่ะตรงตัวเลย ไม่เล่นแตกแถว มีลูกค้าท่านหนึ่ง เล่นเป็นแต่ kbang advanc และ true (ค่ะ คุณอ่านไม่ผิด เขาชอบเล่น true มาก และขอบอกไม่เคยพลาดเลย ) หลักการของแกง่ายมาก ไม่ไล่ ไม่คัน ไม่ง้อ ลงก็ซื้อ ไม่ลงก็ไม่เล่น อละจังหวะเข้าซื้อ คือเมื่อหุ้นลดราคา 10%  ต่อ cycle จะเข้าซื้อรายนี้เงินแกมีจำกัด เลยไม่ถัวกระจาย ก็จะเข้าเต็ม max  แหละ จากนั้นถ้ามันลงอีกแกก็ถือรอไป  รอจนได้ขายค่ะ ดวงดีจริงๆ คนนี้เป็นพนักงานการไฟฟ้า เริ่มจากเงินเก็บ 500,000 บาท ผ่านไป 6 ปี เงินกำไรที่ไม่เคยถอนออกเลยงอกมาเป็น 3.7 ล้านละ

กระดานที่ 4 : สะสมแบบเก็บเล็กผสมน้อย

                   คนนี้มาเปิดพอร์ตตอนเรียนปี 4 สุดท้ายพอดี ก็มาเริ่มแคะกระปุกนะคะ มีเงินมา 80,000 บาท ก็มาแบบเงอะๆ งะๆหล่ะค่ะ  มีวอเรนต์ บัฟเฟต เป็น idol ก็ซื้อๆ ไปเกือบ 6ตัว ปรากฏว่าติดทุกตัว เละทุกตัว  ก็กลุ้มหนัก ไหนจะเงินค่าเรียน น้องคนนี้รับงานเป็นติวเตอร์และงานอะไรหลายอย่างไม่รู้ค่ะ รุ้แต่ว่าเขาจะมีเงินมาเก็บหุ้นทุกเดือน ๆละ 5000-10000 บาท 1ใน 6 ตัวนั้นมีตัวนึงที่ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไปค่ะ นั้นคือ cp-7 หรือ cp all นั่นเอง เขาเริ่มเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น วันนั้นช่วงหวัดนก และตากใบ ดิฉันเป็นมาร์เด็กเหมือนกัน เขาก็ขอคำปรึกษา เรื่องเก็บตัวไหน cut ตัวไหน ดิฉันบอกเขาว่าถ้าเก็บได้จะเก็บ vibha นอกนั้นขายทิ้ง แต่ลูกค้าคนนี้ฉลาดและเก่งกว่าดิฉันในตอนนั้น คือ เขาตัดสินใจถูกค่ะที่เก็บ cp all และมีติด vibha มาด้วย ตอนนั้นรู้สึกพอร์ตเขาจะมูลค่าเหลือราว ๆ 70,000 ค่ะ เป็นcp all ราวๆ เท่าไรก็ลืม แต่เอาเป็นว่า cp all เยอะกว่าสมัยนั้น 7 บาท เขาเรียนจบก็เข้าทำงานก็เจียดเงินเดือนมาเก็บหุ้นทุกเดือน คราวนี้เก็บแต่ cp all โดดๆ เลย คือจนทุนเฉลี่ยเป็น 9.50 มี 90,000 หุ้นค่ะ มาขายเอาตอน 30 บาท จากนั้นดิฉันย้ายที่ทำงาน เขาตามมาเปิดพอร์ตและเทรดสไตส์เดิมๆ คือ เก็บสะสมจนทุกวันนี้ผ่านมา 10 ปี นับจากเปิดพอร์ตครั้งแรก เขามีเงิน 14 ล้านบาทแล้วค่ะ ----ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน ที่สำคัญบ้านลูกค้าคนนี้ก็พ่อแม่เป็นครูค่ะ พื้นฐานไม่ใช่ลูกเจ้าสัวนะคะ ยังสำเร็จเลย

กระดานที่ 5 : ขาแช่งตลาด

                  รายนี้ไม่สนเดย์เทรด ไม่แคร์หุ้นพื้นฐานดี ไม่ศัทธาในปันผล ไม่มองอดีตไม่มองอนาคต มองแค่ปัจจุบัน เมื่อไหร่วันดีคืนดี หุ้นพรวดพราดลงแบบ panic หรือเกิดวิกฤตนี่ แกซื้อทันตัวไหนแกซัดไม่เลี้ยง เน้นตัวเล็กๆ ที่ลงแรงๆ และมี vol. คือ มีเท่าไรอัดเต็ม แล้วถือรออ่ะ จะว่าขำหรือ จะว่าเทคนิคแก ก็ไม่รู้ได้นะค่ะ ปี subprime นั้นแกให้ซื้อ cig ราคา .22 ตังค์ คือมันทิ้งเร็วมากค่ะ ต้อง bid ถึงจะได้ของ กว่าจะครบ 10 ล้านหุ้นที่แกจะเอา ทุนก็โน่น 0.40 ค่ะ แล้วเอามาปล่อยขาย 2 บาท

กระดานที่ 6 : รักษาต้นแต่ถอนกำไร

                   รักษต้นแต่ถอนกำไร คนนั้นแกไม่เน้นพอร์ตโตค่ะ แต่แกเน้นได้เรื่อยๆ ได้ทุกรอบทุกวันยิ่งดี คนนี้เล่นมาร์จิน แกวางเงิน 4 ล้านเทรดได้ 8 ล้าน แกบริหารแบบนี้ค่ะ เมื่อ equity เพิ่มขึ้นมากกว่าทุน แกจะขายแล้วถอนเงินออก เช่น equity เริ่มวาง 4 ล้าน ผ่านไปเพิ่มเป็น 4.5 ล้าน ช่อง deby เป็น 0 แกจะถอน เจ้า 500,000 นั้นแหละ แกจะรักษาพอร์ตให้เงินต้นคงอยู่ ไม่หายพอร์ตไม่เคยโต แต่ไปเพิ่มทรัพย์สินข้างนอกโดยการเอาเงินก้อนที่ได้แต่ละรอบไปจัดสรร  ทำนั้นนี่แบ่งซื้อทองซื้อที่เก็บ จนที่ดินบางแปลงขายได้กำไร 2-3 เท่าก็มี เงินที่เจียดไปซื้อทาวเฮาส์ คอนโดปล่อยให้เช่าก็งอกเงยตามๆกันไป นึกภาพออกไหมคะว่า เขา success อย่างไร  เจ๋งเนอะ !!!!

กระดานที่ 7 : เจ้าแม่แห่งงบการเงิน

                  ลูกค้าท่านนี้เป็นนักบช. เก่าค่ะ เก่ง เก่งมากๆ รายนี้แทงงบ ล้วงงบ ยำงบอย่างเดียว อย่างอื่นไม่สน จะเทียบงบ และเลือกหุ้นราวๆ 7 ตัวค่ะ แรกๆก็งง ว่าดูทันได้ไง แต่พอมาดูหุ้นแต่ละตัวแล้ว เวลามันขึ้นจะดาหน้าขึ้นพร้อมกันค่ะ แต่ไม่ยักกะลง เลือกเก่งมากๆ ค่ะ


               *** ข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่งนะค่ะ ลูกค้าที่กำไรเสมอๆ เนี้ย จะไม่เป็นกราฟเลยค่ะ ไม่สนใจใคร่รู้อะไรเลย บทวิเคาระห์ก็ไม่อ่าน แต่สิ่งที่เขาอ่านกันและทำเหมือนกันคือ อ่านข่าว ตามข่าวและหาข้อมูล จากนั้นประเมินสถานการณ์เอง เคยถามค่ะว่าทำไมไม่อ่านบทวิเคราะห์ที่ส่งให้ค่ะ เขาตอบว่า " อ่านไปมากๆ แล้วเขว สู้อ่านเนื้อข่าวแล้วมาประเมินตามที่เรามอง เราคิดจะดีกว่า เพราะไม่มีอคติในเนื้อข่าาว แต่ในบทวิเคราะห์นั้น คนวิเคราะห์เขาใส่ความเป็นเขาลงไปค่ะ ดังนั้น เขาประเมินกะเราประเมินเอง ผลลัพท์จริงออกมาต่างกัน เพราะไม่มีใครจะรุ้การเงินของเราได้ดีเท่าตัวเรา นวค. เขาไม่รู้หรอกว่าใครมีหน้าตักเท่าไร เขาก็พูดไปตามแนวโน้มตามหน้าที่ เท่านั้นเอง"

              ***และพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้คิดหลายชั้นอะไรขนาดนั้นค่ะ แค่ซื้อและซื้อ ตามสไตส์ที่ตัวเองถนัด แค่นั้นเองค่ะ***

                  ชอบแบบไหนกันบ้างค่ะ ถ้าชอบก็เอาไปปรับใช้กะตัวเองได้ค่ะ ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อพื้นที่ให้ได้ฝอนนะคะ ( อันนี้แซวนะค่ะ ) บทความนี้ดิฉันไม่ได้นำข้อมูลลูกค้ามาเปิดเผยในที่สาธารณะนะคะ แต่เป้นแนวทางการ trade ที่ดิฉ้นสังเกตุเห็นค่ะ ดังนั้นถ้าลูกค้าเจ้าของสไตส์การเล่นทราบเข้า กิฉันเชื่อว่าพวกเขาเหล่านั้นจะยินดีมากๆ ถ้าจะได้เป็นแนวทางที่หน่วยกล้าตายได้ลองจริงๆ มาแล้วและทำได้จริง อย่างน้อยบุญกุศลครั้งนี้ก็ขอให้ ส่งถึงคนที่ยังมืด 8 ด้าน หาทางออกไม่เจอได้ผ่านมาอ่านกระทู้นี้ด้วยเถิด และเกิดแสงสว่างในใจด้วย สาธุ......ขอให้ทุกท่านโชคดีนะคะ

                



 

แสดงความคิดเห็น

* *

 

*

view